713 จำนวนผู้เข้าชม |
ปัญหาใต้ตาลึกโหล เป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ แล้วการแก้ไขส่วนมากมักจะจบที่การเติมเต็ม ด้วยฟิลเลอร์ HA เพราะ แก้ไขได้ตรงจุด เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็นั่นอีกแหละค่ะ ทุกคนก็คงกังวลในผลข้างเคียง หรือไม่สวย เป็นก้อนใช่ไหมคะ มาค่ะ วันนี้เรามาดูความเสี่ยงกัน ว่าสาเหตุคืออะไร ป้องกันได้อย่างไร
สาเหตุจริงของปัญหาใต้ตา คือ กระดูกเบ้าตายุบ เบ้าตาโหล และ ไขมันใต้ตาปลิ้นออกมาเป็นถุงใต้ตา เอ็นใต้ตาหย่อน เลยกลายมาเป็น ร่องน้ำตาชัด
Credit pic: https://slclinic.com.sg/tear-trough-filler-singapore/
เพราะฉะนั้น หากเราจะแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ เราต้องแก้จากสาเหตุเป็นหลัก คือ แก้ที่กระดูกเบ้าตา กระดูกหน้าแก้มก่อน โดยการเติมเต็มในชั้นลึก เพื่อทดแทนกระดูกที่กร่อนหายไปตามอายุ โดยในฟิลเลอร์เนื้อแข็งในการเติมเต็ม เพื่อให้เกิดผลในการดันเส้นเอ็นใต้ตา ให้ถุงไขมันถูกดันกลับเข้าไปในเบ้าตา ให้ถุงใต้ตาลดลง ช่วยเรื่องการยกแก้ม หน้าแก้มขึ้น เพื่อให้แก้มดูตกน้อยลง ดู Lifting ขึ้น และปรับโครงหน้าให้ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
จากนั้น เมื่อแก้ไขชั้นลึกเสร็จ ก็จะต้องทำการแก้ไขชั้นกลาง ถึงตื้น เพื่อเป็นการเก็บงาน หากเปรียบเทียบการแก้ไขใบหน้าเป็นเหมือนการซ่อมบ้าน
การแก้ชั้นลึก เหมือนเป็นการแก้ไขโครงสร้างหลักของบ้าน เช่น เสา เหล็ก โครงยึด
ส่วนการแก้ชั้นตื้นจะเหมือนการมาเก็บรายละเอียดต่างๆ เช่น ฉาบปูน ทาสี ถามว่าไม่ทำได้หรือไม่ คือได้ โครงสร้างดีขึ้น บ้านอยู่ได้ แต่เหมือนงานไม่จบดี เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน 555
แต่ถ้ามาแก้ชั้นตื้นเลย งบไม่พอ ไม่แก้โครงสร้างหลัก ก็เหมือน ทาสีมาปิดๆ ฉาบปูนปิดๆไป โดยที่ไม่แก้ปัญหาหลัก บ้านก็อาจจะไม่แข็งแรง น้ำรั่ว ก็เป็นได้
ทีนี้ การแก้ชั้นตื้นนี่แหละค่ะ ที่จะชอบเกิดปัญหา หากเติมมากเกินไป เกิดการเป็นก้อนได้ หากเติมชั้นตื้นมากเกินไป ก็เวลายิ้ม เป็นก้อน เป็นลำ แบบที่หลายๆ คนกังวล หรือ กลัวจะไม่เป็นธรรมชาติ นั่นเองค่ะ
เพราะฉะนั้น หลักการคือ
ต้องเติม โครงสร้างให้พอ ชั้นลึกเพื่อ Support ให้โครงแข็งแรง ชั้นตื้น เติมให้น้อยที่สุดเพื่อให้ผลลัพธ์นั้นเป็นธรรมชาติค่ะ
และเนื้อฟิลเลอร์ที่เลือกมาเติมชั้นตื้นต้องเป็นกลุ่มที่ไม่แข็ง เนื้อต้องนิ่ม เหลวใกล้เคียงกับน้ำ ความหนาแน่นไม่มากเกินไป เพื่อที่จะเกลี่ยยาได้เหมือนเวลาที่เราทาเนยบางๆ ลงบนขนมปังค่ะ
โดยสรุปแล้ว ปัญหาใต้ตาของแต่ละคนอาจจะต้เองการการแก้ไขที่แตกต่างกันออกไป และผลลัพธ์ที่ได้ ก็แน่นอนค่ะว่าแตกต่างกัน ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น โครงสร้างหน้าของคนไข้เอง ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ปริมาณของฟิลเลอร์ ชั้นที่คุณหมอฉีด ปริมาณยาที่คุณหมอวางในแต่ละตำแหละ เทคนิคที่คุณหมอใช้ ประสบการณ์ในการทำเคส และทุกเคส ควรได้รับการปรึกษาจากคุณหมอก่อนที่จะทำทุกครั้ง เพื่อช่วยกันดู และตัดสินใจร่วมกันค่ะ
หมอณัฐ
พญ. ณภัชชา เตชาธาราทิพย์
แพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี
ปริญญาโท ผิวหนังความงาม ม.ธรรมศาสตร์